โปรดโอบกอดมนุษย์ลูก
ปกอ่อน
ขนาด A5 (14.3 x 21 cm.)
เนื้อในสองสี แดงดำ
176 หน้า
คำนำ
นอกจากเขียนหนังสือวีรพรยังทำเวิร์คช้อพสอนเขียนของตัวเองมาหลายปี ในเวิร์คช้อพจะมีช่วงที่ขอให้ผู้มาร่วมแต่ละคนบอกเล่าถึงสิ่งที่ ‘กัดกิน’ เขา บางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโกรธ เศร้า บางสิ่งที่ทำให้เขาไม่มีความสุข เป็นทุกข์ใจ บางสิ่งที่เป็นความขมขื่นของชีวิต
คนส่วนใหญ่ที่มายังอยู่ในวัยหนุ่มสาว พวกเขามองปกติถึงขั้นดูดีทีเดียวเราในเวลาที่เราเริ่มคลาสกันในตอนเช้า จนมาถึงตอนช่วงเล่าเรื่องนั่นที่วีรพรได้เห็นว่าแต่ละคนแบกความทุกข์เอาไว้มากมายเพียงไหน
กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เล่าถึงพ่อแม่
...ความเจ็บปวดในวัยเด็ก ความอึดอัดคับข้องของการเติบโต การถูกทำร้ายความรู้สึกไม่ไยดีซ้ำๆ ความกระพร่องกระแพร่ง ความผิดพลาดของพ่อแม่ที่ถูกโยนถมทับลงไว้ของในชีวิตพวกเขา นอกเหนือจากนั้นส่วนหนึ่งยังเล่าถึงปัญหาที่ฟังค่อนข้างส่วนตัว ...ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยากมีชีวิตแบบไหน เกลียดงานที่ทำ ไม่ชอบชีวิตที่ใช้ มองโลกในแง่ร้าย ไม่เห็นอนาคต ปราศจากความหลงใหลใฝ่ฝัน ขาดแรงบันดาลใจ เดียวดาย ไร้ความสามารถจะรักใครสักคน ไม่กล้าเริ่มต้นความสัมพันธ์ ไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ได้นานๆ ไม่มีศรัทธาต่อชีวิตครอบครัว ไม่อยากมีลูก ซึ่งก็ล้วนเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูในวัยเด็กเช่นกัน
หลายคนป่วยซึมเศร้า ต้องกินยาเป็นกำมือทุกคืนให้หลับ...และจะได้ฝัน หลายคนยังหมกมุ่นกับความคิดฆ่าตัวตาย หลายคนร้องไห้ท่ามกลางคนแปลกหน้า แต่ที่น่าเศร้ากว่าอะไรทั้งหมดคือความรู้สึกผิด มีความรู้สึกผิดมากมายที่นั่น ในเรื่องเล่า ในน้ำเสียง ในแววตาและน้ำตา ในความเป็นมนุษย์ของคนหนึ่งคน นอกจากผุพังอ้างว้าง พวกเขายังต้องแบกความรู้สึกผิดมหาศาลของการไม่สามารถรักและทำได้มากเท่าที่พ่อแม่ต้องการติดตัวออกไปในชีวิตด้วย
ขณะที่พ่อแม่ประกาศชัยชนะของการเลี้ยงลูกได้อย่างใจ ปรีดาในความสำเร็จของปลุกปั้นลูกให้โตขึ้นเป็นคนดีศรีสังคม คนหนุ่มสาวของเราจำนวนมากกลับล้มเหลวในการเป็นมนุษย์ปุถุชน สิ้นไร้กระทั่งความสามารถจะมีความสุข...ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต
ทุกอย่างมาจากการที่พวกเขาถูกเลี้ยงให้เป็นลูก...ไม่ใช่มนุษย์มีเลือดเนื้อ พ่อแม่ สังคม โรงเรียนริดรอนครอบงำพวกเขาเกือบทุกสิ่งอย่างมาตลอดทาง จนไม่รู้ว่าสามารถอะไรบ้าง จะทำอย่างไรได้บ้างกับชีวิต
เป้าหมายในวัยเรียนก่อนหน้าของพวกเขามีเพียงทำทุกอย่างอย่างที่พ่อแม่บอก สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ คณะไหนก็ได้ เรียนให้จบให้ได้ หางานทำให้ได้ ...เพื่อที่จะได้หนีไปให้พ้นๆ จากบ้าน หรืออย่างน้อยๆ ...เพื่อพ่อแม่จะได้เลิกยุ่งกับเขาเสียที
แล้วก็กลับพบว่ามันไม่มีอะไรเลยข้างนอกนั่นนอกจากงุนงง เคว้งคว้าง ว่างเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำตัวเองหล่นหายไปตอนไหน หรือมันเคยมีอยู่จริงๆ ไหม...ตัวตนที่เป็นของเขา และถึงอย่างนั้นก็ยังมีข้อเรียกร้างตามมาอีกมากมาย รับราชการสิ ผ่อนบ้านสิ หาคนรักเข้า ทำอย่างนั้นนะ เป็นอย่างนี้สิ ความคาดหวังใหม่ๆ ความกดดันใหม่ๆ ความอึดอัดใหม่ๆ ความรู้สึกผิดใหม่ๆ ...ไม่จบสิ้น
ความสัมพันธ์ที่งดงามที่สุดเท่าที่มนุษย์จะมีได้กลับกลายเป็นเรื่องโหดร้ายและเจ็บปวดขนาดนี้ได้อย่างไร อะไรกันที่ทำให้คนที่รักกันได้อย่างที่สุด...พ่อ แม่ ลูก ต้องมาอยู่ร่วมกันในสภาพนี้ ลากพากันมาจนถึงจุดนี้ อะไรทำให้ความรักความหวังดีที่เรามีต่อกันทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้
หนังสือเล่มนี้เป็นแค่ความหวังเล็กๆ ว่าอาจช่วยให้พ่อแม่มองหาและมองเห็นบางรายละเอียดระหว่างเส้นทางการเลี้ยงดูลูก แค่บาง...ไม่ใช่ทั้งหมด บางอย่างเล็กจ้อยอันอาจเป็นที่มาของความไร้สุข บางอย่างที่อาจพรากเราออกห่างคนละฟากจักรวาลทั้งๆ ที่นั่งอยู่กันตรงนั้น บางอย่างอ้างว้างเกินไปในความรัดแน่นเกินไป บางเปราะบาง กรีดบาด แตกร้าว
มันไม่ได้ถูกเขียนเน้นที่กาเด็กวัยไหนโดยเฉพาะ เพราะทุกอย่างร้อยพัน สะท้อนกลับไปกลับมา ตลอดทางตั้งแต่แบเบาะไปกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ แค่จะบอกว่ามันมีสิ่งไม่ใช่อยู่ที่นั่น สิ่งที่ไม่ทำงาน สิ่งที่ไม่ที่ทางในปัจจุบัน สิ่งที่กั้นกลาง สิ่งที่พ่อแม่ทำหล่นหาย
และเพื่อจะบอกว่า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มีค่าเหลือเกิน มีค่าเกินไป งดงามเกินไป กว่าที่เราจะยอมจ่ายได้...เพียงเพื่อจะแลกกับลูกอุดมคติ
วีรพร นิติประภา / 9 พย. 2563