แผ่นฟ้าที่หายไป
เรื่อง : ชัยฤทธิ์ ศรีโรจน์ฤทธิ์
ภาพ : ปรีดา ปัญญาจันทร์
ราคา : 125.-
• ปลูกฝังจิตสำนึก การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
• สร้างนิสัยการมีจิตสาธารณะ อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
• เสริมสร้างพัฒนาการทางอารมณ์ จิตใจ และสังคม
เรื่องย่อ : ตะวันกับพันดาว สองพี่น้องที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ทั้งสองชอบมองท้องฟ้าแสนสวย มีดวงดาวสกาวเต็มฟ้า วันเวลาผ่านไปเมืองเล็ก ๆ เติบโตอย่างรวดเร็ว มีแต่ถนนและตึกใหญ่โตสูงเบียดบังท้องฟ้า ฝุ่นคลุ้งจนต้องใส่หน้ากากอนามัย ยามค่ำคืนก็มองแทบจะไม่เห็นดวงดาวอีกแล้ว จนวันหนึ่งพ่อแม่พาตะวันและพันดาว ออกเดินทางไปยังบ้านใหม่ ที่ยังมีท้องฟ้ากว้างให้มองเห็นอีกครั้ง
--รีวิว จากครูแดง เพจ ตะกร้าหนังสือ--
...ท้องฟ้ายามเช้าพราวแสงแดดอ่อน ๆ ปลุกเด็ก ๆ ให้ลุกจากที่นอน
ตะวันตื่นก่อน รีบร้องเรียกน้องสาว “พันดาว ท้องฟ้าเช้าวันนี้สีเหลืองส้ม สวยจัง"
บ้านของสองพี่น้อง ตะวันและพันดาว อยู่ในเมืองเล็กล้อมรอบด้วยภูเขา
ริมถนนสายเล็ก ๆ สายเก่า มีบ้าน ร้านค้า ผู้คนบางตา ใช้ชีวิตช้า ๆ สบาย ๆ...
*
แค่เริ่มอ่านก็สัมผัสได้ถึงความงดงามของธรรมชาติที่อยู่รอบตัว ภาษาที่สร้างความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย สบาย ๆ
เชื่อว่าเมื่ออ่านให้เด็กฟัง คงทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลาย และคงอยากเห็นท้องฟ้าแบบเดียวกับที่ตะวันและพันดาวได้เห็น
มนต์เสน่ห์ของนิทานเรื่องนี้เริ่มทำงานแล้ว
สภาพแวดล้อมที่รายล้อมบ้านของตะวันกับพันดาวสองคนพี่น้องอาศัยอยู่นั้น เป็นบรรยากาศที่เด็กเล็กชอบมาก ได้เห็นฟ้ากว้าง ๆ มองเห็นภูเขาด้วยนะ
แต่พออยู่ไปได้สักพัก คนเยอะขึ้น บ้านหลังเล็ก ๆ ค่อย ๆ หายไป มีตึกสูง ๆ เข้ามาแทนที่
ท้องฟ้าที่เคยเห็นเป็นแผ่นกว้าง ๆ เริ่มถูกบดบังไปด้วยความสูงของตึก ตึก และตึก
ฟ้าเริ่มแหว่ง...ไม่มีภาพท้องฟ้ายามพลบค่ำให้ตะวันกับพันดาวได้นั่งมองอีกแล้ว
จากกลางคืนที่เคยนอนนับดาวบนท้องฟ้าแข่งกันจนหลับผล็อย ก็ต้องมานอนนับดาวจากโคมไฟที่ฉายแสงผ่านรูปทรงดาวเพียงไม่กี่ดวง นับแป๊บเดียวก็ครบแล้ว ดาวบนท้องฟ้ามีให้นับเยอะกว่าจริง ๆ
(ลองสังเกตแววตาเด็กไปด้วยสิคะ เมื่ออ่านมาถึงตอนนี้ แววตาของพวกเขาจะเปลี่ยนไปต่างจากตอนเริ่มฟังหน้าแรก ๆ แน่นอน)
พ่อกับแม่ของตะวันและพันดาวจะทำอย่างไร จะทนเห็นลูกอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปตลอดหรือไม่
ภาพประกอบสวย โดยอ.ปรีดา ปัญญาจันทร์ และภาษาสละสลวย โดย อ.มู – ชัยฤทธิ์ ศรีโรจน์ฤทธิ์ (สองท่านเบอร์ต้น ๆ ของนักเขียนนิทานบ้านเราเลยนะ) - ดูตัวอย่างหนังสือด้านในที่คอมเมนต์
ส่วนตัวครูชอบนิทานแนวนี้อยู่แล้ว
และยิ่งได้อ่านเล่มนี้ ชอบในความเป็นรูปธรรมที่ซ่อนอยู่ในความเป็นนามธรรมอย่างแนบเนียน เรื่องราวที่ยากนำเสนอแบบจับต้องได้ และไม่ลืมที่จะใส่ความเป็นปัจจุบัน ทันสมัย เข้ายุคเข้าสมัย ให้เด็ก ๆ บ้านเราเข้าถึงได้ง่าย
นิทานเล่มนี้จะช่วยกระตุ้นต่อมความอยากรู้จนต้องเอ่ยปากถามผู้ใหญ่ว่า “ทำไม...” ตามธรรมชาติและวัยของเขา
และอย่าตกใจถ้าได้ยินคำถามประมาณนี้
“ทำไมผู้ใหญ่รู้ว่าไม่ดี แล้วทำแบบนี้ทำไม” บอกเลยว่าเป็นคำถามที่ครูได้ยินมาตลอดทุกครั้งที่อ่านหนังสือนิทานแนวนี้ให้เด็กฟัง ดีใจทุกครั้งที่ได้ยินคำถามของเด็ก ครูก็จะรีบฉวยโอกาสนี้ชวนเด็กหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
และครูเชื่อเหลือเกินว่า เด็กส่วนใหญ่จะรู้คำตอบได้ทันที
เพราะนี่คือพลังวิเศษจากหนังสือเล่มนี้และอีกหลาย ๆ เล่มที่คนทำหนังสือเฝ้าบ่มเพาะเป็นต้นทุนให้กับเด็ก ๆ ที่มีโอกาสได้ฟังพ่อแม่อ่านหนังสือนิทานให้พวกเขาฟัง
พลังวิเศษเหล่านี้จะคงอยู่กลายเป็นจิตสำนึกที่มีคุณค่าต่อการใช้ชีวิตของพวกเขาในอนาคต
หรือจะเหือดหายไปตามกาลเวลา ตามสภาพแวดล้อมที่ผู้ใหญ่ในปัจจุบันลงมือกระทำไว้แล้วส่งต่อให้พวกเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ อนาคตของเด็ก ของลูกหลานเราจะอยู่กันอย่างไรก็อยู่ในมือผู้ใหญ่อย่างพวกเรานะคะ