นี่เป็นการรวมเล่ม "วินนีเดอะพูห์" ฉบับสมบูรณ์ ซึ่งรวมเอา
วินนีเดอะพูห์, บ้านมุมพูห์ และกวีนิพูห์ ทั้ง 2 เล่ม (เมื่อครั้ง
เรายังเด็กเล็กมากมาก และจากนั้นวันนี้เราหกขวบ) มาไว้ใน
เล่มเดียวและจัดทำเป็นฉบับพิเศษปกแข็งสันโค้งครั้งแรก
เพื่อฉลองครบ 96 ปีที่โลกรู้จักเจ้า 'หมีสมองเล็ก' ตัวนี้
เอ.เอ.มิลน์ เขียนเรื่องนี้เมื่อปีพ.ศ.2469 จากนิทานที่เล่าให้
ลูกชายฟังก่อนนอน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ในสป่า
ร้อยเอเคอร์ซึ่งแน่นอนว่ามีเด็กอยู่เพียงคนเดียวในเรื่อง ก็คือ
คริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของผู้เขียนนั่นเอง
ป่าร้อยเอเคอร์ก็เหมือนสังคมที่เด็กๆ อยู่ร่วมกันมีทั้งความสนุก
สนานและเสียงหัวเราะ มีทั้งปัญหาและความขัดแย้ง แต่ด้วย
มุมมองและวิธีคิดแบบเด็กๆ ซึ่งหลายครั้งก็ง่ายและลึกซึ้งอย่าง
ไม่น่าเชื่อ ก็ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
สารบัญ : วินนีเดอะพูห์ (ฉบับใหม่/ปกแข็ง)
วินนีเดอะพูห์
บ้านมุมพูห์
กวีนิพูห์ 1 เมื่อครั้งเรายังเด็กเล็กมากมาก
กวีนิพูห์ 2 และจากนั้นวันนี้เราหกขวบ
........................
คุณหมอประเสริฐเขียนถึงวินนีเดอะพูห์
...งานเขียนของ เอ เอ มิลน์ วาดภาพโดย อี เอช เชปเพิร์ด ฉบับภาษาไทยที่ผมอ่านเป็นปกแข็งของ ธารพายุ แปล รูปประกอบเป็นขาวดำ
ท่านที่เคยอ่านคงรู้ว่าเป็นงานแปลที่ยาก มีคำศัพท์แปลกๆ มีคำอ่านที่ผิดเพี้ยน และมีคำกลอนหรือเพลงที่พูห์แต่งไว้มากมาย ซึ่งธารพายุแปลไว้ทั้งหมด ไพเราะทุกๆบทด้วย บอกฉันทลักษณ์ให้ด้วย...
...คนที่รักพูห์จะรักมาก คนที่ไม่รักพูห์จะค่อนขอดว่าหมีอะไรจะโง่ปานนั้น แล้วก็มิได้โง่เฉพาะหมี โง่หมดทั้งป่าร้อยเอเคอร์เลย หนังสือเด็กงี่เง่าขนาดนี้ดังได้อย่างไร มิใช่เราว่า คริสโตเฟอร์ โรบินในบทแรกๆยังใช้คำว่า “หมีงี่เง่า” มากกว่าหนึ่งครั้ง ต้นฉบับใช้คำอังกฤษอะไร?
หากตั้งใจอ่าน เราจะพบว่าในทุกๆตอนๆมีบทสนทนาของตัวละครสองตัวที่วนเป็นอ่างไม่ไปไหนอย่างน้อยสักหนึ่งย่อหน้าเสมอ ตัวละครหลักสองตัวคือพูห์และพิกเล็ตจะเล่นบทนี้เป็นประจำ คุยกันนานสองนานเนื้อหาไม่ไปไหนเลย ปรากฏว่าคนชอบมุกนี้กันมาก มันน่ารักดี ว่างั้น
สุ่มมาสักบท บทไหนก็ได้จะพบแน่นอน พูดจาวนไปวนมา แต่ถ้าตั้งใจอ่าน บางบทก็ได้อะไรดีๆ บทที่ถูกอ้างถึงบ่อยๆอยู่ในหน้าเกือบสุดท้ายของบทสุดท้ายของภาคแรก - วินนี่เดอะพูห์
“เวลาตื่นนอนตอนเช้านะ พูห์” พิกเลตพูดขึ้นในที่สุด “สิ่งแรกที่นายพูดกับตัวเองคืออะไร”
“เช้านี้มีอะไรกินหว่า” พูห์ว่า “แล้วนายพูดว่าไง พิกเลต”
“ฉันพูดว่าสงสัยจังว่าวันนี้จะมีอะไรตื่นเต้น” พิกเลตตอบ
พูห์พยักหน้าอย่างใช้ความคิด
“มันก็อย่างเดียวกันนั่นแหละ” มันว่า...
...ดังที่เคยบอกว่าหนังสือวินนีห์เดอะพูห์มีคำกลอน กวีนิพนธ์ และเพลงที่พูห์แต่งไว้มากมายซึ่งยากต่อการแปล ธารพายุแปลไทยไว้ไพเราะ ลองอ่านบทที่6
ขนมเอยขนมครก
เกิดเป็นนกไม่บินก็สิ้นท่า
มีปัญหาลับสมองลองถามมา
จะตอบว่าขนมครกขนมครก
ขนมเอยขนมครก
ปลาขึ้นบกก็ตายหงายอ้าซ่า
มีปัญหาลับสมองลองถามมา
จะตอบว่าขนมครกขนมครก
ขนมเอยขนมครก
คิดไม่ตกทำไมต้องไก่หว่า
มีปัญหาลับสมองลองถามมา
จะตอบว่าขนมครกขนมครก
ลองดูวรรค 2 นะครับ ภาษาอังกฤษเขียนว่า
เกิดเป็นนกไม่บินก็สิ้นท่า
A fly can’t bird , but a bird can fly
ปลาขึ้นบกก็ตายหงายอ้าซ่า
A fish can’t whistle and neither can I
คิดไม่ตกทำไมต้องไก่หว่า
Why does a chicken, I don’t know why
หนังสือ The Tao of Pooh เขียนโดย Benjamin Hoff ใช้กลอนนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็น “เต๋า” ในวินนีเดอะพูห์ กล่าวคือสรรพสิ่งเป็นตัวเอง มีสิ่งที่มี เป็นสิ่งที่เป็น อยู่ในที่ที่อยู่ นกต้องอยู่บนฟ้า ปลาต้องอยู่ในน้ำ หากเราฝืนความจริงนี้ชีวิตจะยุ่งยาก หมีพูห์จึงเป็นหมีพูห์ จะพูดอะไร จะทำอะไร ก็เหมาะกับความเป็นหมีพูห์ ชีวิตก็ไปได้
ทำไมล่ะ? ไม่มีทำไม ไก่เป็นไก่วันยังค่ำ
ฟังดูเหมือนเต๋าไม่ชวนให้คนเราพัฒนาเลย ก็มิใช่เช่นนั้น แม้ดูเหมือนพูห์และพิกเลต รวมทั้งตัวละครทุกตัวจะพูดจาหรือทำอะไรวนอยู่กับที่ไม่ค่อยจะไปไหน แต่แท้จริงแล้วพวกเขามิได้อยู่เฉย...