วิธีแท้จริงที่เด็กเรียนรู้
Einstein Never Used Flash Cards: How Our Children Really Learn--and Why They Need to Play More and Memorize Less
โดย ดร.แคธี เฮิร์ช-พาเซ็ก และดร.โรเบอร์ตา มิชนิก โกลินคอฟฟ์ ร่วมกับ ดร.ไดแอน เอเยอร์
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ คำนำเสนอ
ISBN 978-616-8241-04-2
ราคา 380 บาท
ขนาดหนังสือ 14.5 X21 ซม.
รายละเอียดหนังสือ
*เหตุผลและวิธีการ สู่ชีวิตที่บ่มเพาะการเล่นแบบใช้จินตนาการ และความรักที่จะเรียนรู้
*การฟูมฟักให้ลูกรักการเรียนรู้ผ่านการเล่น จะช่วยเสริมให้ลูกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความอยากรู้อยากเห็น ความเห็นใจคนอื่น และความภูมิใจในตัวเอง ซึ่งโดยรวมแล้วก็คือเด็กที่มีความสุข
*พ่อแม่สมัยใหม่ตกอยู่ใต้แรงกดดัน ต่างได้รับข้อมูลท่วมท้นแต่ไม่รู้จะเชื่อใครดี หนังสือเล่มนี้มอบแผนที่ชี้ทาง ช่วยแยกหลักฐานเชิงประจักษ์ออกจากคำโอ้อวดเกินจริง อธิบายข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก ในแนวทางซึ่งทั้งถูกต้องและเข้าใจง่าย เพื่ออธิบายว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นจริงๆ อย่างไร
-พ่อแม่ที่อยากรู้ว่าต้องทำอะไร และที่สำคัญยิ่งกว่าคือไม่ทำอะไร เพื่อช่วยให้ลูกค้นพบความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัว
-ชำแหละความเชื่อด้านการศึกษาที่ผิดเพี้ยน พร้อมแจกแจงให้รู้ว่าทำไมการผ่อนคลายและทวงวัยเด็กคืน จึงเป็นวิธีบ่มเพาะความคิดจิตใจที่กำลังงอกงามของเด็กได้ผลดีที่สุด
คำนำเสนอ
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
นี่เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ผมควรเขียนเสียเองตั้งแต่แรก แทนที่จะมาเขียนเพียงแค่คำนำเสนอ เพื่อยืนยันว่าเด็กควรเล่นมากๆ และการเล่นคือการเรียนรู้
การเล่นคืออะไร มีคำตอบในหนังสือเล่มนี้อย่างชัดเจนเช่นกัน การเล่นควรมีลักษณะ 5 ข้อ สนุก เพลิดเพลิน ไม่มีเป้าหมายภายนอกมากำหนด เป็นเรื่องสมัครใจ เด็กมีส่วนร่วมเชิงรุก และประกอบด้วยการสมมติอะไรบางอย่าง รายละเอียดสามารถหาอ่านเองได้ภายใน สิ่งที่ผมอยากจะชี้ที่ตรงนี้คือ ทันทีที่เราพยายามบังคับหรือกะเกณฑ์การเล่นด้วยวัตถุประสงค์อื่นแล้วละเลยหรือล้ำเส้นความไม่สนุก เมื่อนั้นอะไรที่ทำมิใช่การเล่น ประโยชน์ของการเล่นจะลดลงแม้ว่าเราอาจจะได้ประโยชน์อย่างอื่นมาบ้างก็ตาม เรื่องจะกลับมาที่เราเสมอว่าเรายินดีจะแลกกันมากน้อยเพียงใด เพราะจะอย่างไรคงมีคุณพ่อคุณแม่น้อยรายในวันนี้ที่จะปล่อยลูกเล่นอย่างเดียวหรือเอาตัวเองเล่นกับลูกโดยไม่ส่งเรียนพิเศษเพื่อเสริมอะไรเลย
หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาดีๆ ที่ไขความกระจ่างเรื่องการเรียนรู้ของเด็ก รวมทั้งความจำเป็นของการเล่นมากเกินกว่าที่ผมจะเน้นย้ำหรือขยายความได้ทั้งหมด เพราะหากทำเช่นนั้นคงจะได้คำนำเสนอที่มีความยาวมากกว่าตัวหนังสือเป็นแน่ ดังนั้น เย็นนี้ - เราเล่น
สารบัญ
บทที่ 1 ชะตากรรมของพ่อแม่ยุคใหม่
บทที่ 2 การคิด : สมองทารกเรียนรู้อย่างไร
บทที่ 3 เล่นกับตัวเลข : เด็กเรียนรู้เรื่องจำนวนอย่างไร
บทที่ 4 ภาษา : พลังของการส่งเสียงพูด
บทที่ 5 การรู้หนังสือ : อ่านระหว่างบรรทัด
บทที่ 6 ขอต้อนรับสู่เมืองเลคโวบีกอน : ภารกิจค้นหานิยามความฉลาด
บทที่ 7 ฉันเป็นใคร สร้างการรับรู้ตัวตน
บทที่ 8 เรียนรู้คนอื่น : วิธีพัฒนาความฉลาดด้านสังคมของเด็ก
บทที่ 9 การเล่น : เบ้าหลอมการเรียนรู้
บทที่ 10 สูตรใหม่ในการเลี้ยงลูกให้ยอดเยี่ยม
คำนำ โดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
นี่เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ผมควรเขียนเสียเองตั้งแต่แรก แทนที่จะมาเขียนเพียงแค่คำนำเสนอ เพื่อยืนยันว่าเด็กควรเล่นมากๆ และการเล่นคือการเรียนรู้
ข้อแตกต่างคือ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีความอุตสาหะที่จะหาเอกสารอ้างอิงและงานวิจัยมาประกอบการเขียน ในขณะที่ผมเขียนจากสามัญสำนึก สัญชาตญาณของความเป็นพ่อ ความทรงจำ และประสบการณ์ของตัวเองในอดีตที่เล่นมากมายและเรียนหนังสือน้อยกว่ามาก ไปจนถึงสิ่งที่ซิกมุนด์ ฟรอยด์ และลูกศิษย์ที่เป็นนักจิตวิเคราะห์หลายคนเขียนเอาไว้ รวมทั้งฌอง เปียเจต์ และเลฟ วีกอตสกี ที่หนังสือเล่มนี้อ้างอิงถึง
และไอน์สไตน์ด้วย ไอน์สไตน์ไม่เคยเล่นแฟลชการ์ด คุณตาหมอไม่เคยพูดหรือเขียนว่าให้เล่นแฟลชการ์ดเช่นกัน
ผมได้รับคำถามเสมอว่า ควรให้เด็กเล่นแฟลชการ์ดหรือเปล่า ไปจนถึงเด็กควรไปโรงเรียนเมื่อไร และเด็กควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาการคอร์สอะไรบ้าง สิ่งที่ผมตอบเสมอมาคือ หลีกเลี่ยงที่จะตอบตรงๆ เรื่องแฟลชการ์ด ควรไปโรงเรียนเพื่อการเรียนหนังสืออย่างจริงจังเมื่ออายุประมาณ 6 - 7 ขวบ แล้วตามด้วยประโยคแบ่งรับแบ่งสู้ว่า ถ้ามีความจำเป็นต้องไปโรงเรียนก่อน 7 ขวบให้เลือกโรงเรียนใกล้บ้าน ใกล้บ้านแปลว่าโรงเรียนคืนเวลามาให้เราพ่อแม่ลูกที่บ้านมากที่สุด และพยายามเลือกโรงเรียนที่มิได้สอนหนังสือ
คืนเวลามาให้เรา เพื่อเราจะได้เล่น เลือกโรงเรียนที่ไม่สอนอะไรมากมาย เด็กได้เล่นมากๆ และถ้าสมมติว่าเราเลือกอะไรไม่ได้ จำเป็นต้องพาไปโรงเรียนที่เอาแต่เรียนเพราะเหตุใดก็ตาม เมื่อเลิกงานแล้วให้รีบไปเอาลูกกลับบ้านมาเล่นให้เร็วที่สุด
แต่สำหรับคำถามที่ว่า เด็กควรได้รับการส่งเสริมพัฒนาการด้วยคอร์สอะไรบ้าง ผมตอบชัดเจนทุกครั้งว่า ไม่จำเป็น ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่จะไม่มีทุนรอนที่มากพอ ซึ่งคือสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ของบ้านเรา หรือคุณพ่อคุณแม่แทบจะไม่มีเวลาเหลือจากการทำมาหากินมาเล่นกับลูกอยู่ก่อนแล้ว เราไม่ควรหมดเวลาไปกับคอร์สพัฒนาการ รวมไปถึงของเล่นที่อ้างว่าเพื่อพัฒนาการอีก ที่เราควรทำคือ “ลง” ไปเล่นกับลูกที่พื้น หรือ “พา” ลูกออกไปวิ่งเล่นด้วยกันกลางแจ้ง ณ ที่โล่งกว้างสักที่ที่หาได้
เพราะการเล่นคือการเรียนรู้ ดังที่หนังสือเล่มนี้เขียนสมการที่สั้นที่สุดเอาไว้หลายครั้ง เล่น = เรียนรู้
ที่ผมพูดและเขียนตั้งแต่แรกคือ เล่นดินทราย ระบายสี ปั้นดินน้ำมัน ฉีกตัดปะกระดาษ เล่นบล็อกไม้ เล่นบทบาทสมมติ เล่นเสรีในสนาม ปีนที่สูง ตามด้วยกีฬาและดนตรี ทั้งหมดที่เล่ามา ยกเว้นเรื่องกีฬาและดนตรีแล้ว เป็นการละเล่นที่มีค่าใช้จ่ายไม่มาก หากเรารู้จักพลิกแพลงหรือประยุกต์ ส่วนเรื่องกีฬา ดนตรี และศิลปะนั้น ผมพูดเสมอว่า เลือกไว้อย่างละหนึ่งชิ้นก็พอ ไม่จำเป็นต้